อาสนวิหารโนเตรดามแห่งปารีส​

สถาปัตยกรรม​แห่งต้นกำเนิดศิลปะกอธิก

… จากข่าวไฟไหม้อาสนวิหารโนเตรดามแห่งปารีส​ จึงมีคำถามถึงความสำคัญ​ ว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงมีความสำคัญกับประเทศฝรั่งเศส​และโลกใบนี้​ วันนี้เลยได้นั่งเรียบเรียงเขียนมาให้อ่านเกี่ยวกันพอสังเขปนะครับ​ อาจจะเป็นความรู้ด้านศิลปะล้วนๆ​ แต่นั่นแหละครับถึงสำคัญ

ต้นกำเนิดของศิลปะกอธิก หรือ​ โกธิก​ (Opus modernum=งานสมัยใหม่) นั้นมีจุดเริ่มต้นที่ประเทศฝรั่งเศสบนพื้นที่เกาะกลางน้ำที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำแซน เมื่อประมาณ​ ค.ศ.1150 โดยมีชื่อเรียกบริเวณนั้นว่า​ อิลเดอฟรองซ์​ (Ile de​ France) จากนั้นจึงได้รับความนิยมแพร่หลายไปยังเมืองต่างๆทั่วทั้งฝรั่งเศส​ และกระจายไปทั่วทวีปยุโรป​ ทั้งนี้คำว่า​ “กอธิก” ​ ได้ถูกใช้กับรูปแบบของงานสถาปัตยกรรม​ก่อนเป็นลำดับแรก​เพราะมีลักษณะที่เด่นชัด​ โดย​ ศิลปะกอธิกได้ถูกแบ่งความสำคัญออกเป็น​ 3 ช่วงเวลาด้วยกัน​ คือ​
…กอธิกสมัยแรก​ (Early Gothic) ค. ศ. 1150-1200 สถาปัตยกรรม​โดดเด่น
…กอธิกสมัยรุ่งเรือง​ (High Gothic) ค. ศ. 1200-1300 ประติมากรรมโดดเด่น​
…กอธิกสมัยสุดท้าย​ (Late Gothic) ค. ศ. 1300-1417 จิตรกรรมโดดเด่น

อาสนวิหารโนเตรดามแห่งปารีส​ (Notre​ Dame of Paris) เริ่มสร้างขึ้นใน​ ค.ศ.​1163 โดย​ บิชอปเอิดส์ เดอ​ ซูยี​ (Eudes de​ Sully) ตั้งอยู่บนเกาะลาซิเต​บนแม่น้ำแซน​ โดยมีการเริ่มต้นในการสร้างบริเวณสำหรับคณะนักร้องเพลงสวด​และมุขกว้างเป็นส่วนแรก​ สร้างเร็จใน​ ค.ศ.1225 และต่อมาได้ทำการก่อสร้างเพิ่มจนสมบูรณ์​ในสมัยหลุยส์​ที่14​ รูปแบบศิลปะของอาสนวิหารโนเตรดามแห่งปารีสที่มีความสำคัญเพราะ​ มีการก่อสร้างด้วยโครงสร้างฐานหินจนถึงตัวอาคาร​ ส่วนด้านบนนั้นเป็นการใช้โครงสร้างไม้​ อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสวยงามและสำคัญไม่ต่างกันก็คือ​ ช่องหน้าต่างที่เจาะเป็นวงกลมขนาดใหญ่ประดับกระจกสีในชื่อ​ “rose windows” ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง​ 9​ เมตร​ ทางด้านหน้าของโบสถ์​ถูกแบ่งเป็น​สามส่วน​ ส่วนของกำแพงมีหน้าต่างที่เปิดกว้างเพื่อประดับกระจกสี​ ภายในอาคารมีเสาค้ำยันลอยที่ไม่ติดเชื่อมกับอาคาร​ เรียงรายเป็นแถวรอบอาคารซึ่งเป็นลักษณะที่โด่ดเด่น

อาสนวิหารโนเตรดามแห่งปารีส​ นั้นนับได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของสถาปัตยกรรม​ดอธิกเลยทีเดียว​ โดยมีโครงสร้างสำคัญในแบบเฉพาะตัวของกอธิก ได้แก่
…มีการใช้โครงสร้างอาร์ชแบบโค้งปลายแหลม​ (pointed arch)
…มีการใช่เสาค้ำยันลอยภายในอาคาร​ (flying buttresses)
…มีส่วนที่เป็นช่องโล่งจากประตูถึงแท่นบูชา​ (nave)
…มีทางเดินขนาบด้านข้างซ้ายขวา​ (aisle)
…มีที่สำหรับคณะร้องเพลง​ (choir) อยู่ด้านหน้าของแท่นบูชา
…มีมุข​ (transepts)​ ยื่นออกเป็นปีกด้านทิศเหนือและใต้
…มีอาคารทร่เป็นลีกษณะสูงยอดแหลม
…มีการประดับกระจกสีที่ช่องหน้าต่าง

ส่วนประติมากรรม​ ที่ใช้ประดับตกแต่งก็มีความสวยงามสมจริง​ มีรูปแบบท่าทางที่ดูเข้มขรึมมีสีดส่วนค่อนข้างยาวเป็นเส้นตรง​โดยเฉพาะท่าทางของคนนั้นจะไม่บิดเอี้ยวผิดธรรมชาติ​ มีการแสดงรอยยับย่นของเสื้อผ้ามากเป็นพิเศษรวมทั้งการแกะสลักลวดลายอื่นอย่างละเอียด​ ​โดยนิยมสร้างลายผูกประดิษฐ์​ มีความชื่นชอบในการสร้างรูปลอยตัว​ โดยทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์​เพื่อให้เข้ากับรูปแบบลักษณะของอาคาร

ส่วนจิตรกรรม​ มีทั้งการประดับกระจกสีที่นิยมใช้สีสดใสรุนแรง​ โดยส่วนใหญ่จะใช้ สีแดง​ สีเหลืองทอง​ สีเขียว​ ส่วนสีน้ำเงินสดนั้นจะนิยมใช้เป็นสีพื้นหรือเบื้องหลังของภาพ​ และยังมี​ สีม่วง​ สีน้ำตาล​ สีชมพู​ สีแดงทับทิม​ อีกด้วย​ ส่วนภาพวาดนั้นนิยมวาดภาพบุคคลสำคัญในพระคัมภีร์​ไบเบิลรวมถึงนักบุญต่างๆ​ และผู้บริจาค​ ทั้งนี้ยังนิยมวาดรูปลักษณ์​ทางศาสนาหรือลวดลายคล้ายดอกไม้​ จิตกรรมในยุคสมัยกอธิกนั้นอยู่ในสภาพที่จำกัด​เพราะภายในอาคารสถานที่ต่างๆมีพื้นที่ของผนังให้วาดน้อย​

ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้อาสนวิหารโนเตรดามแห่งปารีส​ ทั่วโลกถึงให้ความสำคัญและรู้สึกถึงการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้​ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมศิลปะวิทยาการด้านต่างๆในยุคๆหนึ่งที่มีความสำคัญกับการพัฒนาการวิทยาการของโลกใบนี้เป็นอย่างมาก​ และใครก็ตามที่เคยได้ไปเยี่ยมชมอาสนวิหารโนเตรดามแห่งปารีสแล้วคงจะเข้าใจเป็นอย่างดี​ และทราบถึงความสวยงามยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ที่เกิดจากแรงศรัทธา​ของผู้คนจากอดีตจนถึงปัจจุบัน​ ที่เดินทางข้ามผ่านเวลาและเหตุการณ์​ต่างๆมากมายมาถึง​ 850​ ปี​

ปล.ศิลปะกอธิกยังส่งผลไปยังศิลปะในยุคต่อๆมาคือ​ การรื้อฟื้นกอธิกโดยได้รับการพัฒนารูปแบบจนปรากฏให้เห็นได้ในศิลปะรูปแบบโรแมนติซิซึม​ (Romanticism)

เรียบเรียง​ ; เตชิต​ เฉยพ่วง
แหล่งที่มา
: ประวัติศาสตร์​ศิลปะตะวันตก​ 2 ; กำจร​ สุนพงษ์ศรี
: ประวัติศาสตร์​นฤมิตศิลป์​ ; พรสนอง​ วงศ์สิงห์ทอง