Onsenism

ญี่ปุ่นนั้นหนาวเย็น…แต่..ก็มีอนเซ็งทุกหัวระแหง
อันเมืองไทยนั้นแดดแรง…แต่…ทุกหัวระแหงมีทะเล

อนเซ็ง 温泉 Onsen เป็นคำภาษาญี่ปุ่น หมายถึง บ่อน้ำร้อน หรืออีกนัยหนึ่งคือที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกรอบ ๆ บ่อน้ำร้อนนั่นเอง( 温泉 Onsen ออนเซ็น,อนเซ็ง เขียนอย่างไรก็ได้ “Nในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงได้ทั้ง น และ ง”)

ประเทศญี่ปุ่นมีภูเขาไฟมากมาย จึงมีบ่อน้ำแร่ธรรมชาตินับพันบ่อและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก สมัยก่อนอนเซ็งเป็นที่อาบน้ำรวมของคนญี่ปุ่นที่นี่จึงมีวัฒนธรรมการเปลือยร่างแช่น้ำร้อนที่เราเรียกว่า “อนเซ็ง”มาแต่ครั้งโบร่ำโบราณ เพราะไม่ว่าจะก้าวเท้าไปทางไหน จังหวัดใด ก็มักจะมีบ่อน้ำแร่เสมอ ๆ นี่คือความเมตตาของธรรมชาติที่มีให้กับประเทศที่หนาวเหน็บแห่งนี้

การแช่อนเซ็งถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับคนไทย แต่ถ้าไปญี่ปุ่นก็ควรลองดูสักครั้งเพราะถือว่าได้สัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมที่น่าสนใจของชาวญี่ปุ่น (คงคล้ายๆคนไทยสมัยโบราณที่นุ่งผ้าถุงตีโป่งลงแช่น้ำในแม่น้ำลำคลอง ผิดกันก็แค่อุณหภูมิของน้ำและเรานุ่งผ้าแต่เขาแก้ผ้านั่นเอง) หากรู้สึกอายกับการอาบน้ำร่วมกับผู้อื่น ซึ่งในบางเรียวกังสามารถใช้บริการแบบ “คะโซคุบุโระ Kazoku-buro” ซึ่งหมายถึงบ่ออาบน้ำสำหรับครอบครัว แบบส่วนตัว ขอย้ำมีแค่บางที่เท่านั้น แต่ถ้าอยากได้ประสบการณ์มันส์ ๆ แนะนำเข้าห้องรวมสนุกดี

การแช่อนเซ็งที่ถูกต้องคือต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหมดจดเพื่อล้างสิ่งสกปรกก่อนลงแช่ในบ่อน้ำแร่ ผิวที่สะอาดจะได้ซึมซับรับน้ำแร่เข้ามาอย่างเต็มที่แล้วทำใจให้สงบ นิ่ง และค่อยๆ หย่อนกายลงทีละระดับ เริ่มที่แค่หัวเข่า,แค่เอว,แค่ใต้อก,และแช่ลงทั้งตัวเพื่อปรับอุณหภูมิของร่างกายให้คุ้นเคยกับความร้อน หายใจเข้า-ออก ช้าๆ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่บ้านเราไม่มี ถึงมีก็มิใช่แบบญี่ปุ่นจ๋า แล้วแช่นานแค่ไหน? แต่ละคนทนได้ไม่เท่ากันเอาแค่ว่าถ้าปลายจมูกและหน้าเริ่มเหงื่อซึมๆ ก็เลิกได้อย่าทนทุกข์ทรมานไปกว่านั้นเพราะแช่ครั้งเดียวไม่มีทางหายจากการเจ็บป่วยทันทีทันใด เมื่อขึ้นมาแล้วคุณจะรู้สึกเบาสบายตัวอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน

Kusatsu Onsen

Kusatsu Onsen ตั้งอยู่ในจังหวัดกุมมะ (Gunma) สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร เมืองเล็กๆน่ารักๆ ในหุบเขาแห่งนี้ มีบ่อน้ำแร่ขนาดใหญ่ ที่มีน้ำพุร้อนไหลมาตามธรรมชาติและน้ำมีสีเขียวมรกตสวยงาม ปี ค.ศ 2018 ได้รับรางวัลอนเซ็งยอดเยี่ยมอันดับ 1 ใน 100 ออนเซ็งที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น นับว่าเป็นราชินีแห่ง อนเซ็งตัวจริงเพราะสามารถรักษาแชมป์อันดับ 1 มาเป็นเวลา 16 ปีติดต่อกันแล้ว ในสมัยเอโดะมีปราชญ์ขงจื๊อ นามว่า ฮายาชิ ราซัง (林羅山 Hayashi Razan) ยุคโชกุนอิเอมิตสึ พูดว่า Gero Onsen,Arima Onsen และ Kusatsu Onsen เป็น 3 ออนเซ็งที่ดีของญี่ปุ่น และต่อมาเมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศ ความก้าวหน้าทางการแพทย์จากยุโรปและอเมริกาได้แพร่เข้าสู่ญี่ปุ่น ราวๆปี 1878 ได้มีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชาวเยอรมัน เข้าไปศึกษาวิจัยที่เมืองแห่งนี้ และนำเสนอต่อสาธารณะชนว่าน้ำแร่ของ Kusatsu Onsen มีคุณสมบัติด้านการรักษาโรค ช่วยลดอาการปวดเส้นประสาท, ปวดกล้ามเนื้อ,โรคไขข้ออักเสบ,โรคผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีกรดคาร์บอนิกไฮโดรเจนซัลไฟด์และเรเดียม เชื่อว่ามีประสิทธิภาพต่อความดันโลหิตสูงและภาวะหลอดเลือดแข็งตัว และยังเป็นที่เชื่อกันอีกว่าที่ชาวเมืองนี้มีสุขภาพดีมีอายุยืน เพราะมาจากการแช่อนเซ็งนี้เองและประชาชนของเมืองนี้สามารถใช้อนเซ็งฟรีด้วยนะ

ทุ่งน้ำร้อนยุบาทาเกะ” (Yubatake “Hot Water Field) คือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองเอาไว้สำหรับรองรับน้ำร้อนเพื่อลดอุณหภูมิและเป็นท่อลำเลียงน้ำไปยังโรงแรมและบ้านเรือนของชาวบ้านในเมืองนั้นเมื่อเดินเข้าไปใกล้กลิ่นกำมะถันก็จะคละคลุ้งขึ้นมา ทำให้มั่นใจได้ว่านี่คือของแท้แน่นอน การเดินชมรอบๆบ่อและแวะชมร้านค้าต่างๆ ถือเป็นกิจกรรมที่น่าเพลิดเพลินเจริญใจสำหรับผู้หญิง เรียกว่าอาหารตาอันโอชะ เมื่อมาเมืองอนเซ็งก็ต้องไปลองแช่บ่อสาธารณะ นั่นหมายถึงการแก้ผ้ารวมญาติของผู้หญิงนับร้อย ถึงจะเรียกว่าเข้าถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นจริงๆ (คิดเอาเองว่าจะรื่นรมย์ขนาดไหน) เราเริ่มเดินตรงไปที่ถนนไซโนะคาวาระ (Sai-no-Kawara Street) ซี่งเป็นถนนเส้นเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างยุบาทาเกะ กับ บ่ออาบน้ำสาธารณะไซโนะคาวาระ (Sainokawara Rotenburo) ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร

ระหว่างทางก็แวะกราบพระที่วัดโคะเซ็นจิซะก่อน หลังจากนั้นก็เดินผ่านบ่อน้ำแร่ใหญ่น้อยมากมายประกอบกับวิวที่ยังมีหิมะจับตามแนวธารน้ำไหลเป็นสีขาวโพลนสลับควันที่พวยพุ่งของน้ำแร่ ขณะที่เดินชมวิวเพลินๆทำเหมือนนางร้ายในหนังเกาหลี ก็ล้มโคลม !!(ถ้าเป็นนางเอกเขาจะไม่ล้มนะ เพราะพระเอกจะคอยออกมารับตลอด) แต่ชีวิตจริงๆอย่างเรามันล้มกันได้หน้าคว่ำกระโปรงเปิดไปหลายรอบ ไม่ต้องอาย เพราะชีวิตนี้เป็นของเราคิดเสียว่าตอนเด็กๆ เมื่อเริ่มตั้งไข่เราล้มจนนับไม่ถ้วนแล้วทำไมวันนี้จะล้มไม่ได้ แค่ล้มแล้วรีบลุกขึ้นมาเดินต่อ สู้ต่อก็จบ! เดินไปจนถึงสวนไซโนะคะวะระ เสียค่าเข้าอนเซ็งคนละ 600 เยน ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ แม้แต่ผ้าเช็ดตัวผืนน้อยที่เรามักจะแซวกันว่าให้เลือกเอาว่าเวลาแก้ผ้าเข้าอนเซ็งจะปิดบนหรือปิดล่างเราแนะนำว่าให้ใช้ปิดหน้า ส่วนผู้ชายก็ปิดล่างละกันนะ แต่ถ้าต้องการผ้าต้องเสียอีก 20 เยน ภายในมีบ่อแช่น้ำสาธารณะ แบบเปิดโล่งเห็นวิวภูเขาและป่าไม้ 2 บ่อขนาดใหญ่ แยกชาย-หญิง สามารถจุคนได้กว่า 100 คน โดยน้ำร้อนจะไหลลงมาตามหุบเขาเป็นสายลงมาตามลำธาร เมื่อเราแช่เสร็จเราก็คิดมิดีมิร้ายโดยการเดินขึ้นเขาสูงไปฝั่งบ่อผู้ชายตั้งใจว่าจะไปแอบดู แอบถ่ายรูป เอ่อ!!!!ถ้าย้อนเวลาได้จะไม่ทำนะ เพราะพุงอันหลามไหลบดบังมิดชิดหมดทุกคนไม่ได้เห็นอะไรเลย อารมณ์เสียที่สุด!

ที่จะพลาดไม่ได้เลยคือชมการแสดงวิธีลดอุณหภูมิของน้ำในสมัยอดีตคือการกวนน้ำในโรงอาบน้ำเน็ตสึโนะยุ (Netsu-no-Yu) ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของคุซัทสึอนเซ็นที่บางครั้งมีอุณหภูมิสูงถึง 95 องศาทำให้ร้อนเกินไปสำหรับการนำมาแช่หรืออาบ การเอาน้ำเย็นมาผสมนั้นคิดได้แต่ไม่ทำดีกว่า เพราะคุณค่าของน้ำทางการรักษาก็จะลดลงจึงเกิดภูมิปัญญาชาวบ้านที่เรียกว่า “ยุโมะมิ”หรือการกวนน้ำด้วยแผ่นไม้ขนาดกว้าง 30 ซม. ยาว 180 ซม ประกอบบทเพลงพื้นบ้านเน็ตสึโนะยุ สนุกสนานแก้ร้อน จนอุณหภูมิของน้ำลดลงแล้วปล่อยไปตามที่ต่างๆ เพื่อนำไปอาบไปแช่นั่นเอง เราเสียค่าเข้าชมคนละ 550 เยน และในช่วงท้ายผู้ชมสามารถลงไปทดลองกวนเองได้ด้วยถือเป็นกิจกรรมสนุกๆ ขอแนะนำให้คุณลงไปร่วมกิจกรรมเพราะว่าการออกเดินทางท่องเที่ยวแต่ระครั้ง รูปภาพ ผู้คน กิจกรรมต่างๆ จะช่วยกระตุ้นเตือนให้คุณมีความสุขยาวนานกว่าปกติและจำเหตุการณ์ต่างๆได้ดี เมื่อวันใดวันหนึ่งคุณเหงา คุณเศร้าคุณก็แค่หยิบภาพถ่ายขึ้นมาดู เรื่องราวของความสุขต่างๆ มันจะหวนคืนกลับมาถ้าคุณทำเช่นนี้ได้ความเหงา ความเศร้าใจ จะไม่มีวันทำร้ายคุณได้เลย

จากโตเกียวไปคุซัทสึอนเซ็น (Kusatsu Onsen) ระยะทาง 190 กิโลเมตร แนะนำให้ไป 3 วัน 2 คืน จากสถานี JR Ueno ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ Kusatsu ลงที่สถานี JR Naganohara-Kusatsuguchi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถบัส JR Bus Kanto และลงรถที่ท่ารถบัสKusatsu Onsen ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ฟังแล้วหากไปเช้า เย็นกลับ คงได้แค่แช่เท้า

Photo / Story  : Kwanzaa