“JAPANISM” Part 1
ป่วยด้วยโรค JAPANISM มันรุนแรงขนาดที่ว่า หลับก็ฝันหา
ลืมตาก็เพ้อเห็น

KANAZAWA by KWANZAA-A การสลับตัวอักษรที่มีความบังเอิญ อย่างลงตัว

เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมคนเราถึงมีความอยาก……..ตลอดเวลาไม่มีวันสิ้นสุด !!!!

อยากมี,อยากเด่น, อยากเป็น,อยากได้ ,อยากให้คนรัก

คำตอบคือ “ความเคยชิน”ซึ่งเป็นยาพิษชนิดรุนแรงที่กระตุ้นให้คิดอยากตลอดเวลา เช่นพี่อยากไปญี่ปุ่นตลอดเวลาจนกลายเป็น “ คนป่วย ” พี่ป่วยด้วยโรค JAPANISM มันรุนแรงขนาดที่ว่า หลับก็ฝันหา ลืมตาก็เพ้อเห็น สาเหตุเพราะ

พี่หลงรักศิลปะวัฒนธรรมและความมีน้ำใจของคนญี่ปุ่น (อาจจะมีคนไม่ดีบ้าง แต่น้อยมาก ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆที่พี่เคยไป)หลงรักความสะอาดและมีระเบียบของบ้านเมือง (อาจจะมีสกปรกบ้าง แต่ถ้าเทียบกับประเทศที่พี่เคยไปมาแล้ว ต้องถือว่าสะอาดที่สุดในสายตาพี่)


ที่สำคัญพี่ชอบทานอาหารข้างถนนที่สะอาดและราคาสมเหตุสมผลกับค่าครองชีพของบ้านเค้าและเป็นข้างถนนที่ไม่เบียดเบียดพื้นที่สาธารณะเฉกเช่นบ้านเรา

ถ้าเมืองไทย ที่ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ของเราสามารถทำให้นักท่องเที่ยวป่วยด้วยโรคนี้ได้ การท่องเที่ยวคงคึกคักหนักกว่านี้ พวกคุณคิดอย่างพี่ไหมคะ? ที่ญี่ปุ่นถ้ามีคนหนึ่งเบียดเบียน หรือทำไม่ดี จะมีคนอีกคนมาเตือนว่า สิ่งนี้ไม่ดี อย่าทำนะ แต่ถ้าบ้านเรา เห็นคนหนึ่งทำไม่ดี เราจะเลือกเงียบหรือทำบ้าง โดยคิดได้แค่ว่า “คุณยังทำได้ ฉันก็ทำได้เช่นกัน”นั่นคือวิธีการคิดแบบเห็นแก่ตัวที่สุด พี่มิได้ว่าใครนะ!!!

ครั้งนี้พี่จึงเลือกไปรักษาความอยากที่คานาซาวะ พี่ไปทำนาด้วยสองตาเปล่า พี่คิดว่าพวกคุณคงไม่คิดว่าพี่จะบ้าลงไปดำนานะคะ แค่นี้พี่ก็ดำแบบเต็มเหนี่ยวแล้วค่ะ พี่แค่หลงรักวิถีแบบชาวบ้าน แต่มิได้ต้องการลงมือทำ เพราะถ้าจะทำเมืองไทยก็มีผืนนามากมาย แค่อยากไปดูว่าการทำนาแบบไทย และการทำนาแบบญี่ปุ่นต่างกันหรือไม่ อย่างไร

วันนี้พี่ซื้อทัวร์ไปกับเอื้องหลวงเพียงเพราะคำว่า”ไปนอนบ้านชาวนากันเถอะ”เพราะถ้าเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวธรรมดาๆพี่เลือกที่จะเดินทางไปเอง แต่การไปพักบ้านชาวนา พี่ทำไม่เป็นและยังไม่มีความรู้ด้านนี้เลย

เราใช้บริการของสายการบินประจำชาติของเรา การบริการก็เหมือนทุกครั้งที่พี่บิน ไม่ดี ไม่เลวในสายตาพี่เพราะพี่ไม่คาดหวังว่าจะต้องได้อะไร พี่บิน BCเพื่อใช้พื้นที่ในการนอนพี่จึงนอนยาวไป เห็นไหมคะว่าถ้าเราไม่หวังเราก็จะไม่เคยผิดหวัง ข้อสำคัญเราอย่าคิดแค่ว่า จ่ายแพงแล้วต้องได้ของต้องเอาให้คุ้มค่าเพราะเราจะเหนื่อยวิ่งตามหาของและ ความคุ้มค่าจนหมดสนุก ไม่มีใครตอบสนองความต้องการของคุณได้ครบทุกข้อแน่นอน

ณ.สนามบินชูบุเช็นแทร# เมืองนาโกยา

หลังผ่าน ตม อย่างไม่รีบร้อนเพราะคนเยอะมาก และประวัติการเข้าออกญี่ปุ่นของพี่ ทำให้ ตม. ถามว่า อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นเหรอ? เรียบร้อยแล้วพี่ก็มุ่งตรงไปจังหวัดอิชิกาวา เมือง โคะมัตสึ ใช่แล้วค่ะ Komatsu รถขุดดิน และรถแทร็กเตอร์ที่ใช้ไถดินนั่นแหละ เมืองต้นกำเนิดเขาแหละทําเลที่ตั้งของจังหวัดนี้หันหน้าเข้าหาทะเลและเป็นแหล่งปลูกข้าวพันธุ์ดี เรียกว่าอาณาจักร Kaga ซึ่งมีที่นาเพาะปลูกข้าว มากที่สุดในสมัยก่อน

ยุโนะ คุนิ โนะ โมะริ (Yunokuni no Mori) หมู่บ้านที่จัดแสดงงานศิลปะหัตถกรรม ภายในมีบ้านสไตล์โบราณหลังคามุงจาก(พี่คิดเองว่าเป็นจากญี่ปุ่น)ไม่ใช้ตะปู ไม่ต่างอะไรกับบ้านทรงไทยของเราที่ใช้ลิ่มในการยึด ที่นี่เปิดรับนักท่องเที่ยวให้มาใช้เวลาฝึกปรือฝีมือทางศิลปะหัตถกรรม ทำเครื่องเคลือบ เครื่องเขิน ลงรักปิดทองคำเปลว การทำเครื่องแก้ว การย้อมผ้าไหมยุเซ็นและนำผ้าที่ย้อมแล้วไปวางแช่น้ำให้น้ำตกให้น้ำไหลผ่านตลอดเวลาเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการย้อมผ้าของที่นี่มีกรรมวิธีที่ดีที่สุด ซักกี่หน กี่ปี สีก็ไม่ตก จากนั้นก็ เดินเล่นถ่ายรูปสวยๆ ที่ขาดไม่ได้คือของสวยๆ งามๆ ทำให้ใจหวั่นไหวเพราะความอยาก ก็ ควักกระเป๋าจ่ายกันไม่ยั้ง

Yunokuni no Mori

จากหมู่บ้านไปไม่ไกลก็ถึงวัดเก่าแก่อายุกว่า 1,300ปี วัด Tanadera วัดที่มีต้นไม้ใหญ่มากมาย วัดนี้มีพระโพธิสัตว์พันมือที่ทำจากไม้(Hinoki เป็นไม้สนไซเพรสพันธุ์ญี่ปุ่น ย้ำพันธุ์ญี่ปุ่นนะค่ะ) ที่นี่มีศาลเจ้าอยู่ในบริเวณวัด นั่นหมายถึง ใครที่นับถือบุตสุโด คือทางพุทธ ก็เข้าได้ คนที่นับถือลัทธิชินโตคือทางของเทพยดาก็มาที่นี่ได้เช่นกัน และ ที่นี่มีความเชื่อว่าการได้เข้าไปในถ้ำแห่งพระครรภ์มารดา ที่เป็นอุโมงค์เล็กๆ มืดๆ เดินวนรอบองค์พระในวัด เสมือนการกลับเข้าไปอยู่ในท้องของแม่แล้วคลอดออกมา เกิดใหม่อีกครั้งเพื่อทิ้งทุกข์โศก โรคภัยที่เคยมีหลังจากนี้จะได้พบกับอะไรใหม่ๆที่ดีๆ เอ่อ……คุณเชื่อแบบนั้นจริงๆหรือคะ ? ให้ตายเถอะโรเบิร์ตไปเกิดเถอะโรบิ้น พี่ไม่เชื่อเลยซักนิด ที่เชื่อว่า ยากดี มีจน สุข หรือ ทุกข์ ใจเราเป็นคนกำหนดทั้งหมดทั้งสิ้น หรือพี่เป็นคนที่มี “วิจิกิจฉา”มากเกินไป!!!!!!!!

ประเทศญี่ปุ่นมีแหล่งน้ำพุร้อนชั้นดีหลายที่หลายจังหวัด ครั้งนี้เรามาที่ Yamanaka Onsen ที่แปลว่า ออน เซ็นกลางขุนเขาตั้งอยู่ที่อิชิกาวะ ที่นี่เป็นออนเซ็นที่เน้นการรักษาโรคประสาท,โรคเจ็บในข้อ งอในกระดูก,และโรคระบบทางเดินอาหาร,เพราะออนเซ็นนี้เต็มไปด้วย โซเดียม,ซัลเฟต และแคลเซียม Onsen คือสถานที่อาบน้ำรวมของคนญี่ปุ่นที่จะไปรวมตัวกันเพื่อแช่น้ำร้อนรักษาโรค หรือผ่อนคลายจากความหนาว ความเมื่อยล้า ทุกคนที่เข้ามาไม่ว่าจะมีศักดิ์นา ยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นเช่นไร ก็ต้องถอดทิ้งไว้เหลือเพียงร่างกายที่เปล่าเปลือยเข้าไป ถ้ามาถึงที่นี่ก็คงต้องเดินท่องเที่ยวชมเส้นทางชมธรรมชาติ

โดยพี่เริ่มจากสะพานไม้เก่าแก่ ที่ทำมาจากไม้สนชื่อ สะพานโคะโระงิ Korogi Brigeที่มีทางเดินเลียบ แม่น้ำคะคุเซ็นเค Kakusenkei River ตลอดเส้นทางยาว 1.5 กม. ก็เดินจูงมือหนุ่มๆ ชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ จนเจอร้านน้ำชา ที่วันนี้ปิดทำการชั่วคราว และก็แวะเล่นน้ำตกขนาดเล็กระหว่างทาง เพราะไม่มีคนเดินเลย หลังจากนั้นต่อไปจนเจอสะพานเหล็กสมัยใหม่สีชมพูอันโด่งดัง ที่เป็นรูปตัวเอส พยายาม ถ่ายรูปอย่างไรก็ไม่ได้ตามรูปที่โฆษณา สะพานนี้มีชื่อว่า อะยะโทะริ Ayatori Bridg ก็สนุกดีนะเหมาะกับคนที่ชอบเดิน ทริปนี้พี่มีไปเดินตลาดสด ตลาดนัดและทะเลของญี่ปุ่น แต่จะไม่เล่าอะไรนะขี้เกียจเล่าแค่เก็บบรรยากาศมาฝากเพราะพี่ครั้งนี้พี่จะเน้นแต่เรื่องนอนบ้านชาวนคอยติดตามกันนะคะว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ก่อนจากกันพี่ขอแจกตุ๊กตา ซารุโบโบะ ซารุ แปลว่า” ลิง “หรืออีกนัยหนึ่งและว่า”ออกไป” โบโบะ แปลว่า เด็กเล็ก แปลรวมกันว่า ลิงน้อยนั่นเอง หรือแปลว่า การนำสิ่งไม่ดีออกไปจากเจ้าของตุ๊กตานั่นเอง เครื่องรางชนิดนี้มีหลายสี แต่พี่เลือกมาแจก 2 สี คือ

สีแดง หมายถึง ชีวิตคู่ และครอบครัว ขอให้คนที่ได้รับจงมีครอบครัวที่มีความสุขนะค่ะ
สีเหลือง การเสี่ยงโชคและความสำเร็จด้านการเงินคะ
ภาพแมวนำโชค ที่มีข้อความว่า ”เมื่อคุณหัวเราะ คุณก็มีความสุขแล้ว” มี 3 รางวัล
กติกา รางวัลที่ 1 และ 2 แค่แชร์ ติด #เพื่อน 10 คน วิธีการแจกคือนำชื่อทุกคนขึ้นมาจับฉลากคะ รับป้ายนำโชคไปเลยคะ

รางวัลที่ 3 ให้เล่าถึงประสบการณ์ในการไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกของคุณ ใครตอบได้ถูกใจพี่ก็รับรางวัลไปเลยคะ

แล้วคอยติดตาม Part ที่ 2 นะคะ พี่จะไปเมืองทองคำ ดังนั้นจึงแจกของที่ทำจากทองคำทั้งหมดคะ

Story / Photo : Kwanzaa